“พระเยซูคริสต์…พันธกิจไม่ทิ้งกัน”
https://www.youtube.com/watch?v=sfi8UzvJwbA
โจร(ผู้ร้าย)สองคนที่ถูกตรึงกับพระเยซูคริสต์ที่เราได้รับชมไป มีบทสนทนาของโจรสองคนนี้กับพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนที่ไม่ได้อยู่ในคลิปนี้ แต่ได้บันทึกในหนังสือลูกาที่นำมาสร้างเป็นภาพยนต์นี้
ลูกา 23:39-43 39 ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงไว้จึงพูดหมิ่นประมาทพระองค์ว่า “เจ้าเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? จงช่วยตัวเองกับเราทั้งสองให้รอดเถิด”40 แต่อีกคนหนึ่งห้ามปรามเขาว่า “เจ้าไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือ? เพราะเจ้าก็ถูกลงโทษเหมือนกัน 41 และเราทั้งสองก็สมควรกับโทษนั้นจริง เพราะเราได้รับผลสมกับการกระทำ แต่ท่านผู้นี้ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย”42 แล้วคนนั้นจึงทูลว่า “พระเยซู ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพระองค์เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในแผ่นดินของพระองค์”43 พระเยซูทรงตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ท่านจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม”
ความจริงก่อนหน้านี้ มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์การตรึงกางเขนพระเยซูคริสต์หลายคน มีทั้งสาวกที่เฝ้าติดตามแบบไม่เปิดเผยตัว และคนที่ตรึงพระเยซู คือพวกมหาปุโรหิตและพวกฟาริสี อีกพวกหนึ่งคือทหารที่ทำการตรึงกางเขน คนสองกลุ่มสุดท้ายจะพูดประโยคเดียวกัน ก็คือ จงช่วยตัวเองให้รอดเถิด พระกิตติคุณเล่มอื่น บันทึกว่า การเยาะเย้ยนี้ ใช้สำนวนว่า แน่จริงก็ลงมาจากกางเขนเองเลย แต่พระเยซูไม่ทรงตอบโต้ใดๆกับคำพูดของคนเหล่านี้ ฉากสำคัญที่พระเยซูคริสต์ทรงทำ คือตอนที่โจรสองคนที่ถูกตรึงบนกางเขนต่างหาก เมื่อโจรคนหนึ่งเอาคำพูดของคนที่เยาะเย้ยพระเยซูมาใช้หมิ่นประมาทพระองค์
“เจ้าเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? จงช่วยตัวเองกับเราทั้งสองให้รอดเถิด”
คำพูดแบบนี้ ไม่ได้มุ่งหวังที่จะรับการช่วยกู้จากพระเยซูคริสต์จริงๆ แต่อาจมาจากความรู้สึกสิ้นหวังของตนเองขณะอยู่บนไม้กางเขน กำลังจะตายแน่นอน ไม่มีทางรอดได้ สิ่งที่ทำคือความโกรธแค้น และประชดประชันชีวิต กับคนที่ใกล้ตัวเองมากที่สุด ส่วนโจรอีกคนหนึ่งก็คงจะสิ้นหวังเหมือนกัน อยู่บนกางเขนเหมือนกัน กำลังจะตายเหมือนกัน สภาพเดียวกัน ไม่มีทางรอด แต่โจรคนนี้ กลับตอบสนองแตกต่างจากโจรคนแรก เขาได้ห้ามปรามโจรคนแรกว่า
40 …“เจ้าไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือ? เพราะเจ้าก็ถูกลงโทษเหมือนกัน41 และเราทั้งสองก็สมควรกับโทษนั้นจริง เพราะเราได้รับผลสมกับการกระทำ
คำว่า เกรงกลัวพระเจ้า นั่นคือความรู้สึกของโจรคนที่สองที่รู้ตัวว่า เขากำลังจะตายและจะได้พบกับพระเจ้า ในสถานะที่พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาตัวเขา การตายของตัวเขาเองเวลานี้มาจากการถูกมนุษย์ด้วยกันตัดสินให้ประหารชีวิต สาสมกับที่ตนเองได้กระทำไป แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคำตัดสินของมนุษย์ด้วยกัน ก็คือ การพิพากษาของพระเจ้าที่เขาจะต้องไปพบอีกครั้งหนึ่งในชีวิตหลังความตาย บนกางเขนของมนุษย์ ยังไม่น่ากลัวเท่ากับในบึงไฟนรกที่จะเป็นการลงโทษคนที่ทำบาป
น่าสนใจว่า โจรคนที่สองคนนี้ ได้แสดงความหวังของเขากับพระเยซูคริสต์ด้วยการพูดว่า
42 แล้วคนนั้นจึงทูลว่า “พระเยซู ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพระองค์เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในแผ่นดินของพระองค์”
การแสดงความหวัง คือ ขอพระเยซูคริสต์แค่คิดถึงเขาในแผ่นดินของพระองค์ นั่นคือ โจรคนนี้ แน่ใจเลยว่า พระเยซูคริสต์ได้ขึ้นสวรรค์ ส่วนตัวของเขาเอง ตกนรกแน่นอน แต่คำขอต่อพระเยซูคริสต์ของโจรคนนี้ แปลกมาก เป็นความเชื่อที่ไม่น่าจะมีใครเชื่ออย่างนี้มาก่อน แม้พระเยซูจะไม่ได้พูดประโยคนี้ แต่ถ้าเราได้ติดตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ตลอดทั้งสี่เล่ม เราจะพบว่า พระเยซูมักจะพูดถึงความเชื่อของคน ที่มีต่อพระองค์ และขณะนี้ พระองค์อยู่บนไม้กางเขน ถ้าพระองค์มีแรงพอที่จะพูดได้มาก เพราะสภาพของพระองค์ไม่น่าจะพูดได้เยอะแล้ว พระเยซูคงจะพูดว่า ความเชื่อของโจรคนนี้ ทำให้เขารอด ก่อนหน้านี้ พระเยซูทรงพูดเรื่องความเชื่อของคนที่มาหาพระองค์มากมายหลายคน เพราะความเชื่อของคนเหล่านั้นทำให้พวกเขา ได้รับการรักษาโรค ผีที่เข้าก็ถูกขับออก คนง่อยเดินได้ คนตาบอดมองเห็น คนตายฟื้นขึ้นมาจากความตาย แต่…ตอนนี้ คนที่กำลังจะตายบนไม้กางเขน ตายไปพร้อมกับพระเยซู กำลังมีความเชื่อที่ดูเหมือนน้อยนิดจากสภาพที่สิ้นหวัง ในโลกนี้ แต่ก็ยังมีความหวังในโลกหน้า นี่จะไม่เรียกว่า ความเชื่อหรือ?
พระเยซูคริสต์ทรงตอบความเชื่อของโจรที่กลับใจในวินาทีเกือบสุดท้ายของชีวิต ด้วยคำตรัสว่า
43 พระเยซูทรงตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ท่านจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม”
พูดตามภาษาชาวบ้านก็คือ พระเยซูรับปากโจรกลับใจ โจรที่เชื่อในพระเยซูในวินาทีสุดท้ายของชีวิตว่า เขารอดแน่นอน รอดจากการพิพากษาของพระเจ้า รอดจากบึงไฟนรก แม้เขาจะไม่รอดจากการพิพากษาของมนุษย์ก็ตาม และพระองค์ทรงสัญญาว่า เราจะไปด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน
พระเยซูคริสต์…พันธกิจไม่ทิ้งกัน ของพระเยซู สำเร็จแล้วบนไม้กางเขน และได้สาธิตบนไม้กางเขนในเวลาเดียวกันว่า แม้โจรที่กลับใจเพียงแค่วินาทีเดียว พระองค์ก็ทรงสามารถช่วยให้รอดได้ คนที่อยู่ข้างล่างสองกลุ่ม ที่หมิ่นประมาทว่า พระเยซูคริสต์ช่วยตัวเองให้รอดด้วยการลงมาจากไม้กางเขนเสียก่อน ทำการอัศจรรย์อย่างที่พระองค์ทำสิ แต่พระเยซูไม่ตอบสนองต่อการท้าทายเหล่านั้น หากเราย้อนไปที่การอัศจรรย์ของพระเยซูที่ทรงกระทำก่อนหน้านี้ พระองค์สามารถลงมาจากกางเขนได้แน่นอน แต่พระองค์ไม่ทำ เพราะว่า แผนการของพระเจ้าในการไถ่บาป มวลมนุษยชาติ คือ การต้องตายบนไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์
มีคนพูดอย่างนี้ว่า พระเยซูคริสต์เป็นคนดีมากๆ แต่ทำไมต้องตายอย่างน่าสมเพชอย่างนี้ คำตอบก็คือ เพราะพระองค์มองไม่เหมือนมนุษย์มอง และพระองค์รู้อย่างที่มนุษย์ไม่รู้ พระองค์ทรงมองเห็นสภาพของมนุษย์ต่างหากที่น่าสงสาร (น่าสมเพช) และช่วยตัวเองไม่ได้ พระองค์จึงเสด็จมาเพื่อจะช่วยมนุษย์ให้รอด ด้วยความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ทั้งหลาย คำอธิษฐานของพระเยซูบนไม้กางเขนว่า ขอพระเจ้าทรงโปรดยกโทษให้กับคนที่เยาะเย้ยอยู่ข้างล่างว่า เพราะเขาไม่รู้ว่า พวกเขากำลังทำอะไร นั่นคือมุมมองที่พระเยซูทรงมองเห็นคนข้างล่างน่าสงสารกว่าพระองค์ที่อยู่บนไม้กางเขนเสียอีก
ยอห้น 3:16-18 16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ 17 เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น18 ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ ส่วนผู้ที่มิได้วางใจก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
พระเจ้าทรงมองเห็นจุดสุดท้ายของมนุษย์ทุกคน ที่ต้องตกอยู่ภายใต้กฏของความบาป (ที่คนไทยเรียกว่า กฏแห่งกรรม)
โรม 6:23 23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต และพระเยซูคริสต์ต้องใช้ชีวิตของพระองค์เพื่อไถ่(ซื้อ)ชีวิตของมนุษย์ที่ต้องจ่ายค่าจ้างของความบาป ก็คือความตาย คำว่า เครดิต แปลว่า น่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้
วันนี้ เราพยายามจะสร้างเครดิต ควาไว้วาง กับเรื่องเงินทอง เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่คำถามก็คือว่า ยังมีอะไรที่มีเครดิต น่าไว้วางใจได้อีก
1.พระเยซูคริสต์ พันธกิจไม่ทิ้งกัน ไว้วางใจได้
พระเยซูได้พิสูจน์แล้วตลอดสองพันปีที่ผ่านมา กับคำตรัสของพระองค์ว่า พระองค์มีเครดิต พระองค์ได้สำแดงเครดิตของพระองค์แรก คือ แม้แต่คนที่ใครๆก็ทิ้ง พระองค์ยังพาไปได้ โจรที่เลวร้ายที่สุดจนต้องถูกประหารบนไม้กางเขน ก็ยังรอดได้ และต่อจากนั้น เหล่าสาวกของพระองค์ ที่ถูกบังคับให้ทิ้งพระเยซู ต่างไม่ยอมทิ้ง เพราะพวกเขาตระหนักแล้วว่า พระเยซูไม่ได้ทิ้งพวกเขาไปเลย พระองค์ยังทรงอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ชีวิตที่เผชิญกับทุกสิ่งได้ แม้ตาย ก็ยังเป็นกำไร
ฮีบรู 13:5 5 …..เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสว่า เราจะไม่ละท่าน หรือทอดทิ้งท่านเลย
มีคนมากมายที่สิ้นหวัง เพราะถูกปฏิเสธ ถูกทิ้ง ถูกเท จากคนที่ไว้วางใจมากที่สุด จนกลายเป็นบาดแผล ความขมขื่น และบางคนถึงขนาดรู้สึกว่า จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกทำไม จงดูโจรที่กลับใจบนไม้กางเขน แน่ชัดว่า เขาไม่มีความหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแน่นอน ยิ่งกว่าสิ้นหวังของสิ้นหวังเสียอีก แต่โจรกลับใจคนนี้กลับยังมีความหวังได้ ขณะที่เขาอยู่บนไม้กางเขนเคียงข้างกับพระเยซูคริสต์
แล้วทำไมเราจะมีความหวังไม่ได้ ขอเพียงให้เราลองมองหาพระเยซูคริสต์ ที่ทรงรออยู่เคียงข้างเราในเวลานี้ วันนี้ เครดิตของธุรกิจมากมายเสียหายพังเป็นแถบๆ เมื่อวานยังน่าเชื่อถืออยู่ วันนี้ หมดตัว ไม่มีอะไรน่าเชื่อถืออีกต่อไป ทุกคนต่างหนี ต่างเท ต่างเอาตัวเองรอด
พระเยซูคริสต์….พันธกิจไม่ทิ้งกัน ยังไว้วางใจได้ เมื่อสองพันปีที่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้ พระองค์ยังไว้วางใจได้
2.พระเยซูคริสต์…พันธกิจไม่ทิ้งกัน สวนกระแส
ลูกา 23:35-37,39 35 คนทั้งปวงก็ยืนมองดู พวกขุนนางก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วยว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ของพระเจ้าที่ทรงเลือกไว้ ให้เขาช่วยตัวเองเถิด” 36 พวกทหารก็เย้ยหยันพระองค์ด้วย เข้ามาเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวส่งให้พระองค์37 แล้วว่า “ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิว จงช่วยตัวเองให้รอดเถิด”…. 39 ฝ่ายคนหนึ่งในผู้ร้ายที่ถูกตรึงไว้จึงพูดหยาบช้าต่อพระองค์ว่า “ท่านเป็นพระคริสต์มิใช่หรือ จงช่วยตัวเองกับเราให้รอดเถิด”
สำนวนคำว่า ช่วยตัวเองให้รอด บันทึกในมัทธิว ใช้คำว่า ลงมาจากกางเขนเองเถิด
มัทธว 27:42 42 “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นกษัตริย์ของชาติอิสราเอล ให้เขาลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถิด เราจะได้เชื่อถือบ้าง
มาระโก 15:30-32 30 จงช่วยตัวเองให้รอดและลงมาจากกางเขนเถิด”31 พวกมหาปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ก็เยาะเย้ยพระองค์ ในระหว่างพวกเขาเองเหมือนกันว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ 32 ให้เจ้าพระคริสต์กษัตริย์แห่งอิสราเอลลงมาจากกางเขนเดี๋ยวนี้เถอะ เพื่อเราจะได้เห็นและเชื่อ” และสองคนนั้นที่ถูกตรึงไว้กับพระองค์ก็กล่าวคำหยาบช้าต่อพระองค์
พระเยซูคริสต์….พันธกิจไม่ละทิ้งกัน สวนกระแส สวนวิธีคิดของมนุษย์ การช่วยให้ตัวเองรอดในมุมมองของมนุษย์ คือ การลงมาจากกางเขน แต่การช่วยของพระองค์ได้สำแดงว่า จากกางเขนที่ผู้คนดูถูกดูแคลน พระองค์นำโจรกลับใจ ขึ้นสูงกว่าคนที่อยู่บนดิน เพราะการกลับใจใหม่ได้เปลี่ยนสภาพของโจร เป็นสหายของพระเยซูคริสต์
ลูกา 5:32 32 เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่”
พระเยซูคริสต์…พันธกิจไม่ทิ้งคนกลับใจใหม่
คำที่พระเยซูใช้คำว่า อยู่กับพระองค์ในเมืองบรมสุขเกษม รากศัพท์กรีกคำนี้ แปลว่าสถานที่แห่งความสุข เป็นสวนเอเดน ที่หมายถึงสวรรค์
คนยิว ฟังคำนี้ แล้วจะเข้าใจ เพราะพระเจ้าทรงสร้างสวนเอเดนไว้ให้มนุษย์อยู่อย่างมีความสุข แต่เมื่อมนุษย์ล้มลงในความบาป มนุษย์ถูกขับออกจาสวนเอเดน นั่นแปลว่า ชีวิตของมนุษย์จะพบกับความทุกข์ และไม่พบกับสันติสุขที่แท้จริงอีกต่อไป จนพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาเพื่อตายไถ่บาป พระองค์ทรงตรัสว่า สันติสุขที่เราให้แก่ท่านนั้น ไม่เหมือนกับโลกนี้ให้ อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย นั่นคือการนำมนุษย์ผู้เชื่อกลับสู่สวนเอเดนอีกครั้ง
ยอห์น 14:27 27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
พระกิตติคุณยอห์นบันทึกว่า พระเยซูคริสต์ตายก่อนโจรสองคน พระองค์ไม่ได้ตายอย่างเดียวกันกับโจรสองคน
ยอห์น 19:31-37 31 วันนั้นเป็นวันเตรียม พวกยิวจึงขอให้ปีลาตทุบขาของผู้ที่ถูกตรึงให้หัก และให้เอาศพไปเสีย เพื่อไม่ให้ศพค้างอยู่ที่กางเขนในวันสะบาโต (เพราะวันสะบาโตนั้นเป็นวันใหญ่) 32 ดังนั้น พวกทหารจึงมาทุบขาของคนที่หนึ่ง และขาของอีกคนหนึ่งที่ถูกตรึงอยู่กับพระองค์33 แต่เมื่อเขามาถึงพระเยซู และเห็นว่า พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว เขาจึงมิได้ทุบขาของพระองค์ 34 แต่ทหารคนหนึ่งเอาทวนแทงที่สีข้างของพระองค์ และโลหิตกับน้ำก็ไหลออกมาทันที35 คนนั้นที่เห็นก็เป็นพยาน และคำพยานของเขาก็เป็นความจริง และเขาก็รู้ว่าเขาพูดความจริง เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อ36 เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระธรรม ซึ่งว่า“พระอัฐิของพระองค์จะไม่หักสักชิ้นเดียว” 37 และมีข้อพระธรรมอีกข้อหนึ่งว่า “พวกเขาจะมองดูพระองค์ผู้ที่เขาได้แทง”
โจรที่กลับใจ ตายทีหลังพระเยซูคริสต์ เขาต้องเผชิญกับความทรมานบนไม้กางเขน ในตอนที่ถูกทุบกระดูกขา เพื่อให้น้ำหนักตัวดึงแผลจากรอยตะปู ให้ตายเร็วขึ้น มีบันทึกการประหารคนด้วยการตรึงกางเขนว่า บางคน ไม่ตายทันที บางทีก็ใช้เวลาหลายวันห้อยอยู่ไม้กางเขนกว่าจะตาย แต่ในเหตุการณ์ที่พระเยซูถูกตรึงที่กางเขน คือช่วงเวลาใกล้วันสะบาโตที่เป็นวันใหญ่อย่างที่หนังสือยอห์นได้อธิบาย จึงมีการต้องทำให้โจรตายเร็วขึ้น แต่พระเยซูตายไปก่อนแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า พระองค์ทนพิษบาดแผลที่เกิดจากการเฆี่ยนสามสิบเก้าที และตายไปก่อนโจร แต่พระองค์ได้ทิ้งคำสัญญาไว้กับโจรคนที่สอง ว่าเขาจะได้ไปกับพระองค์ และอยู่ในเมืองบรมเกษมสุข โจรกลับใจตายไปพร้อมกับความสุขใจ ตรงกันข้ามกับโจรอีกคนที่น่าจะตายไปพร้อมกับความแค้นใจ ความโกรธแค้น คุณคิดว่า ตายอย่างไหนดีกว่า
3.พระเยซูคริสต์…พันธกิจไม่ทิ้งกัน ไม่โดดเดี่ยวใคร
ยอห์น 14:1-3 1 “อย่าให้ใจท่านทั้งหลายวิตกเลย ท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย2 ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่เป็นอันมาก ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย3 เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะได้อยู่ที่นั่นด้วย
พระองค์อยู่ที่ไหน เราได้อยู่ที่นั่นด้วย นั่นคืออนาคต แต่วันนี้ เราอยู่ที่ไหน พระองค์อยู่กับเราด้วย คือปัจจุบัน ที่เราจะไม่รู้สึกไม่โดดเดี่ยว Never alone แม้คนบางคนจะโดดเดี่ยวเรา ปฏิเสธ และทิ้งเรา พันธกิจไม่ทิ้งกันของพระเยซู ยังทำงานอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ในผู้ที่เชื่อในพระองค์ และเขาจะมีสปิริตเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ คือ ไม่โดดเดี่ยวใคร ไม่ทิ้ง ไม่เทใคร ขอให้เราเป็นทีมเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ด้วยการมีส่วนร่วมในพันธกิจเดียวกันนี้ ด้วยการรวบรวมคนมาเป็นทีมที่ไม่ทิ้งกัน อาเมน
มัทธิว 12:30 30 ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ใดไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป