“ไฟของพระเจ้า”
สวัสดีพี่น้องที่รักในพระคริสต์ ระยะนี้ มีแต่ข่าวเรื่องไฟไหม้ในกรุงเทพฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็มีพี่น้องของเราท่านหนึ่ง ต้องประสบเหตุกับไฟไหม้บ้านพักที่อาศัยจนสูญเสียสิ่งมีค่าไปทั้งหมด (ชุมชนตากสิน 23) แต่ขอบคุณพระเจ้าที่พี่น้องของเราท่านนี้รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ต้องรับบาดเจ็บเนื่องความร้อนที่ออกมาจากกองเพลิง ทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงข้อพระคัมภีร์ตอนหนึ่งกล่าวว่า….
สุภาษิต 30:15-16 15….แต่สิ่งสามสิ่งนี้ไม่เคยอิ่ม สี่สิ่งไม่เคยพูดว่า “พอแล้ว” 16 คือแดนผู้ตาย ครรภ์ของหญิงหมัน แผ่นดินโลกที่ไม่อิ่มน้ำ และไฟที่ไม่เคยพูดว่า “พอแล้ว”
พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงพลังอำนาจของไฟในโลกนี้ รากศัพท์ฮีบรูใช้คำว่า พอแล้ว นั่นหมายความว่า ที่ใดที่มีไฟลุกไหม้ การเผาผลาญของไฟไปได้เรื่อยๆ ตราบใดที่มีที่ที่มันจะติดไฟได้ พระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งได้กล่าวเปรียบเทียบการกระทำของมนุษย์กับวัสดุที่ทนไฟ
1โครินธ์ 3:12-15 12 บนรากนั้นถ้าผู้ใดจะก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟาง13 การงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะวันเวลาจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร14 ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน15 ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทน แต่ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ
พระคัมภีร์ฮีบรูได้กล่าวถึงสิ่งที่หวั่นไหว จะถูกขจัดไป เหลือไว้แต่สิ่งที่ไม่หวั่นไหว จบลงด้วยคำว่า พระเจ้าเป็นเพลิงที่เผาผลาญ…..
ฮีบรู 12:28-29 28 เหตุฉะนั้นครั้นเราได้แผ่นดินที่ไม่หวั่นไหวมาแล้ว ก็ให้เราขอบพระคุณพระเจ้า เพื่อเราจะได้ปฏิบัติพระเจ้าตามชอบพระทัยของพระองค์ ด้วยความเคารพและยำเกรง29 เพราะว่าพระเจ้าของเรานั้นทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญ
ข้าพเจ้าได้ฟังคำพยานของพี่น้องที่รอดจากไฟไหม้ครั้งล่าสุดนี้ว่า เขาไม่คิดว่า ไฟจะไหม้เร็วขนาดนี้ มันไม่รอไม่มีประวิงเวลาให้กับเราเลย สุดท้ายต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด ขอให้เราทุกคนรอดจากไฟของพระเจ้าด้วยการละทิ้งทุกสิ่งที่ถ่วงและบาปที่เกาะแน่นได้….