“ชีวิตที่เกิดผลในพระคริสต์..หยุดการทดลองของเงินทอง”
นกสองหัว แปลว่า เดี๋ยวเข้ากับฝั่งโน้น แล้วก็มาเข้ากับฝั่งนี้ ดูเหมือนเป็นมิตรได้กับทุกฝ่าย มีสำนวนของนักการเมืองว่า ไม่มีมิตรและศัตรูถาวร แปลว่า พร้อมเปลี่ยนข้างได้เสมอ อยู่ที่ผลประโยชน์ที่ตกลงกันได้ หรือไม่ได้ ถ้าตกลงได้จากศัตรูก็จะเปลี่ยนเป็นมิตรทันที แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ จากมิตรก็จะเปลี่ยนเป็นศัตรูทันทีเช่นกัน ในพระคัมภีร์มีการใช้คำว่า ปฏิปักษ์ เพื่อแสดงว่าอยู่กันคนละฝ่าย มัทธิว 12:30 30 ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ใดไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป พระเยซูคริสต์เจ้าได้ตรัสคำนี้แสดงถึงผู้ที่ติดตามพระองค์ไม่สามารถเป็นนกสองหัว หรือจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เมื่อวานอยู่ฝ่ายพระเจ้า วันนี้อยู่ฝ่ายมาร แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับมาอยู่ฝ่ายพระเจ้าอีก สำนวนว่า ผู้ใดไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป คำว่า รวบรวม หมายถึง ทำให้คนเข้าใกล้พระเจ้า พระเยซูได้สอนวิธีที่จะทำให้คนเข้าใกล้พระเจ้าว่า มัทธิว 5:16 16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์ มารมีชื่อเรียกว่า ปฏิปักษ์ แปลว่า ผู้ขัดขวาง อยู่คนละฝ่าย ดังนั้นวิธีการของมารก็คือ ทำให้กระจัดกระจายไป คือ การทำให้คนห่างไกลจากพระเจ้า ในอดีต มารพยายามใช้ทุกวิธีที่จะทำให้คนห่างไกลจากพระเจ้า ด้วยการปฏิเสธพระเจ้า เราจะเห็นได้จากเรื่องราวที่มารมาทดลองพระเยซูสามเรื่อง ได้แก่ เรื่องความหิว เรื่องความไว้วางใจในพระเจ้า และสุดท้ายก็คือเรื่องเงินทอง แต่มารก็ล้มเหลวไป พระเยซูต้องเดินเข้าสู่การทดลองครั้งสุดท้ายก็คือการข่มเหงบนไม้กางเขน และพระองค์ก็ชนะด้วยการตายบนไม้กางเขนและหลังจากนั้นสามวัน พระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย การข่มเหงยังคงต่อเนื่องมาถึงศิษย์ของพระเยซู แต่กลายเป็นว่า ยิ่งข่มเหง ศิษย์ยิ่งทวีมากขึ้น ยิ่งเชื่อมากขึ้น ยิ่งรักกันมากขึ้น และมารก็ได้ใช้วิธีเดิมๆ นั่นคือเรื่องของเงินทอง พระคัมภีร์ได้บันทึกว่าคริสตจักรยุคแรกมีศิษย์ที่พ่ายแพ้ต่อการทดลองเรื่องเงินทอง แต่ศิษย์ที่มีชีวิตที่เกิดผลในพระคริสต์หยุดการทดลองเรื่องเงินทองได้อย่างไร การศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกันของเราในเช้าวันนี้ จะทำให้เรามีแนวทางการหยุดการทดลองเรื่องเงินทองในชีวิตของเรา กิจการ 5:1-11 1 แต่มีชายคนหนึ่ง ชื่ออานาเนียกับภรรยาชื่อสัปฟีรา ได้ขายที่ดินของตน2 และเงินค่าที่ดินส่วนหนึ่งเขายักเก็บไว้ ภรรยาของเขาก็รู้ด้วย และอีกส่วนหนึ่งเขานำมาวางไว้ที่เท้าของอัครทูต3 ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า “อานาเนีย เหตุไฉนซาตานจึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทำให้เจ้าเก็บค่าที่ดินส่วนหนึ่งไว้4 เมื่อที่ดินยังอยู่ก็เป็นของเจ้ามิใช่หรือ เมื่อขายแล้วเงินก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิใช่หรือ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้เจ้าคิดในใจเช่นนั้นเล่า เจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า”5 เมื่ออานาเนียได้ยินคำเหล่านั้น ก็ล้มลงตาย และเมื่อคนทั้งปวงทราบเรื่องก็พากันสะดุ้งตกใจกลัวอย่างยิ่ง6 พวกคนหนุ่มก็ลุกขึ้นห่อศพเขาไว้แล้วหามเอาไปฝัง 7 หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขายังไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเข้าไป8 ฝ่ายเปโตรถามนางว่า “เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือจงบอกเราเถิด” หญิงนั้นจึงตอบว่า “ได้เท่านั้นเจ้าค่ะ”9 เปโตรจึงถามนางว่า “ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า จงดูเถิด เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็อยู่ที่ประตู และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย”10 ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร และพวกคนหนุ่มได้เข้ามาเห็นว่าหญิงนั้นตายแล้ว จึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง11 ความเกรงกลัวอย่างยิ่งเกิดขึ้นในคริสตจักร และในหมู่คนทั้งปวงที่ได้ยินเหตุการณ์นั้น หลังจากคริสตจักรยุคแรกมีพวกศิษย์ทวีมากขึ้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์ของใจกล้าหาญในการกล่าวพระวจนะและเป็นพยานถึงการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ และยังมีเหตุการณ์ต่อเนื่องของความเป็นหัวใจเดียววิญญาณเดียว มีการเสียสละเพื่อส่วนรวม มีการแก้ปัญหาความขัดสนจนผู้เชื่อทุกคนไม่มีใครขัดสน อันเนื่องมาจากแบบอย่างของการให้ที่หนุนน้ำใจผู้อื่น อย่างบารนาบัส ผู้มีคุณลักษณะที่ดีจนกลายมาเป็นชื่อเรียกที่แปลว่า ลูกแห่งการหนุนน้ำใจ ทำให้คนอื่นเอาเยี่ยงอย่างการเกิดผลในพระคริสต์ท่ามกลางพวกศิษย์ของพระเยซู สิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมาถึงตอนนี้ เราได้เห็นการแทรกแซงของมารซาตาน เพื่อจะหยุดพัฒนาการของคริสตจักร ผ่านสามีภรรยาคู่หนึ่ง 1 แต่มีชายคนหนึ่ง ชื่ออานาเนียกับภรรยาชื่อสัปฟีรา ได้ขายที่ดินของตน อานาเนียและสัปฟีราได้เดินตามแบบของบารนาบัส ด้วยการขายที่ดินของตน ที่นี่เราได้เห็นความศรัทธาของสามีภรรยาคู่นี้ ความตั้งใจที่ดี การเริ่มต้นที่ดี เป็นสิ่งที่ดี แต่ว่า พระคัมภีร์ได้บันทึกต่อว่า 2 และเงินค่าที่ดินส่วนหนึ่งเขายักเก็บไว้ ภรรยาของเขาก็รู้ด้วย และอีกส่วนหนึ่งเขานำมาวางไว้ที่เท้าของอัครทูต มีการสมรู้ร่วมคิดกันทำบาปด้วยการโกหก รากศัพท์ภาษากรีกคำว่า มุสา แปลว่า พยายามหลอกด้วยความเชื่อเทียมเท็จ ความเชื่อเทียมเท็จ คือการไม่ได้เชื่อจริง แต่ทำเป็นเชื่อเหมือนจริง แต่ความเชื่อเทียมเท็จไม่สามารถหลุดรอดสายตาของคนที่เกิดผลในพระคริสต์อย่างเปโตรไปได้ 3 ฝ่ายเปโตรจึงถามว่า “อานาเนีย เหตุไฉนซาตานจึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทำให้เจ้าเก็บค่าที่ดินส่วนหนึ่งไว้4 เมื่อที่ดินยังอยู่ก็เป็นของเจ้ามิใช่หรือ เมื่อขายแล้วเงินก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้ามิใช่หรือ มีเหตุอะไรเกิดขึ้นให้เจ้าคิดในใจเช่นนั้นเล่า เจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า” พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำงานร่วมกับคนที่เกิดผลในพระคริสต์ เปโตรผู้กำลังเกิดผลในพระคริสต์ ไวมากว่ามารกำลังใช้อานาเนียให้โกหก และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เปโตรกำลังเต็มล้นนั้น ทำให้เปโตรกล่าวถ้อยคำที่เป็นของประทานแห่งความรู้ คือรู้ในสิ่งที่มนุษย์ปิดบังซ่อนเร้น แต่ไม่สามารถปิดบังพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ มารต้องการจะทำให้คริสตจักรติดเชื้อแห่งการโกหก ซึ่งเป็นบาปแรกที่มนุษย์ติดกับดักวิธีการของมารตั้งแต่สมัยของอาดัมและเอวา เมื่อมนุษย์คู่แรกล้มลงในความบาปโดยการไม่เชื่อฟัง กินผลไม้ต้องห้าม จึงทำให้ทั้งสองคนสมรู้ร่วมคิดกันซ่อนตัวจากพระเจ้า และมนุษย์คู่แรกก็ถูกขับออกจาสวนเอเดน สวนเอเดนถูกปิดตาย ปฐมกาล 3:22ข,24 ….บัดนี้ อย่าปล่อยให้เขายื่นมือไปหยิบผลต้นไม้แห่งชีวิตมากิน แล้วมีอายุยืนชั่วนิรันดร์”….24 พระองค์ทรงไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งพวกเครูบ ทางด้านทิศตะวันออกแห่งสวนเอเดน และตั้งกระบี่เพลิงอันหนึ่งที่หมุนได้รอบทิศไว้เฝ้าทางที่จะเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น การเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ เพื่อมาทำบทบาทของอาดัมอีกครั้ง 1โครินธ์ 15:22,45 22 เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น…45 ดังที่เขียนไว้ว่า “มนุษย์ คนแรกคืออาดัม จึงเป็นผู้มีชีวิต” แต่อาดัมสุดท้ายนั้นเป็นวิญญาณผู้ประทานชีวิต พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง พระเยซูคริสต์ทรงเป็นเหตุให้สวนเอเดนใหม่ถูกใส่ไว้ในจิตใจของผู้ที่เป็นศิษย์ของพระองค์ ยอห์น 6:68 68 ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์ เปโตรได้ยืนยันถึงสวนเอเดนภายในได้เกิดกับตัวเขาเอง เมื่อสวนเอเดนมาอยู่ในชีวิตของผู้เชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์ แล้วผลไม้ต้องห้ามแบบใหม่คืออะไร หากเราดูที่คำสอนของพระเยซูเรื่องการไม่เชื่อฟังแบบใหม่ที่ศิษย์พระเยซู เราจะพบได้จากคำสอนใน มัทธิว 6:24 24 “ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะว่าจะชังนายข้างหนึ่ง และจะรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และจะดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านจะปฏิบัติพระเจ้าและจะปฏิบัติเงินทองพร้อมกันไม่ได้ นี่คือการไม่เชื่อฟังที่จะเกิดขึ้นในสวนเอเดนเวอร์ชั่นใหม่ เงินทองคือผลไม้ต้องห้าม คนมากมายในยุคนี้พยายามแสวงหาเงินทอง เพราะเงินทองจะทำให้เขาเป็นเหมือนพระเจ้า จนมีสำนวนว่า เงินทองบันดาลทุกสิ่งได้ ข้าพเจ้าเคยไปฟังคุณหญิงจารุวรรณ เมนทกา ในขณะนั้นท่านเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นพยานว่า เขาได้รับข้อเสนอจากนักการเมืองที่มีอำนาจมากในเวลานั้นบอกว่า ต้องการอะไร เขาสามารถให้ได้ทุกอย่าง ตำแหน่ง เงินทอง เกียรติ เพราะเขามีเงินมากจริงๆ และพระเจ้าก็ทรงให้คุณหญิงจารุวรรณเปิดพระคัมภีร์เจอข้อความว่า ถ้าเจ้าข้ามธรณีประตูออกไปจากบ้านเมื่อไร วงศ์วานของเจ้าจะดูหมิ่นเจ้า (คือนักการเมืองคนนั้นนัดให้คุณหญิงจารุวรรณไปพบเขาที่บ้าน) คุณหญิงหยุดการทดลองนั้นด้วยการเชื่อฟังพระเจ้า การทดลองเรื่องเงินทองเกิดขึ้นมานานแล้ว และคริสตจักรยุคแรกก็ถูกทดลองครั้งแรกเรื่องนี้ด้วยสามีภรรยา อานาเนียและสัปฟีราผู้ติดกับดักของมาร มารได้หยอดความปรารถนาเรื่องเงินทองเข้าไปในจิตใจของสามีภรรยาคู่นี้ในสวนเอเดนเพิ่งเปิดใหม่ในจิตใจของเขา “อานาเนีย เหตุไฉนซาตานจึงทำให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยการมุสาต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์… 5 เมื่ออานาเนียได้ยินคำเหล่านั้น ก็ล้มลงตาย…. ภรรยาของอานาเนียก็ตายด้วยอาการอย่างเดียวกัน คือล้มลงตาย ภาษากรีกตรงนี้แปลว่า สิ้นใจทันที หมอลูกาเป็นผู้บันทึกกิจการด้วยมุมมองของหมอ กำลังสื่อสารกับผู้อ่านว่า อาการของการสิ้นใจคือหัวใจหยุดเต้น ข้าพเจ้าได้เห็นคนตายที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ ดูเหมือนยังหายใจ แต่ไม่มีชีพจรแล้ว นั่นคือสิ้นใจแล้ว หยุดการรับรู้แล้ว คริสตจักรยุคแรกเกิดผลอย่างต่อเนื่องได้ เพราะการหยุดวิธีของมารที่แทรกแซงเข้ามาในช่วงเวลาแห่งเงินทอง อย่างที่นักวิชาการทางพระคัมภีร์คาดการณ์ว่า การขายที่ดินในเวลานั้นอาจเป็นปีจูบิลี่ ปีแห่งการขายที่ดิน ซื้อที่ดิน จึงทำใหบางคนมีเงินมากเกินจากที่ปกติที่เคยมี และเป็นช่วงเวลาที่คริสตจักรกำลังขยายเพิ่มพูน มีทั้งคนที่ขัดสนและคนที่มีมากเกินกว่าที่เคยมี พระคัมภีร์จึงบันทึกในช่วงเวลานี้ว่าไม่มีใครขัดสนในท่ามกลางพวกศิษย์ของพระเยซู และนี่คือจุดหนึ่งที่ต้องระวัง เพราะอาจเป็นช่องที่มารจะใช้วิธีการเกี่ยวกับเงินเข้ามาทำให้เกิดการสมรู้ร่วมคิด ซึ่งพระเยซูตรัสไว้ใน มัทธิว 6:3 3 ฝ่ายท่านทั้งหลายเมื่อทำทาน อย่าให้มือซ้ายรู้การซึ่งมือขวากระทำนั้นพระเยซูกำลังหมายความว่า การสมรู้ร่วมคิดในยุคต่อมาจะเกิดขึ้นภายในตัวผู้เชื่อเอง ดังนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงให้บทเรียนแก่ผู้เชื่อในยุคแรก เรียกว่า ยาแรง และหยุดวิธีของมารอย่างได้ผล ทำให้ผู้เชื่อที่เกิดผลในยุคนั้น ไม่ประนีประนอม อ่อนข้อกับการล่อให้หลงด้วยเงินทองและไม่ลดความเข้มข้นในความเกรงกลัวพระเจ้า ด้วยการเตือนตัวเองเสมอว่า
1.เมื่อเงินเป็นนาย….จิตวิญญาณตาย กิจการ 5:7-10
7 หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมง ภรรยาของเขายังไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเข้าไป8 ฝ่ายเปโตรถามนางว่า “เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือจงบอกเราเถิด” หญิงนั้นจึงตอบว่า “ได้เท่านั้นเจ้าค่ะ”9 เปโตรจึงถามนางว่า “ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า จงดูเถิด เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็อยู่ที่ประตู และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย” 10 ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร และพวกคนหนุ่มได้เข้ามาเห็นว่าหญิงนั้นตายแล้ว จึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง เป็นไปได้ที่นางสัปฟีรากำลังรอสามีที่เอาเงินเข้าไปให้กับเปโตรอยู่ภายนอก และไม่รู้ว่า สามีตายไปแล้ว เมื่อรอนานก็เลยเข้ามาตาม บันทึกก่อนหน้านี้บอกเราว่า อานาเนียตายไปก่อนที่เปโตรจะได้รับข้อมูลว่า ภรรยาของอานาเนียมีส่วนรู้เห็นเรื่องเงินนี้ด้วย คำถามของเปโตรคือการเปิดทางให้นางสัปฟีราสำนึก แต่นางไม่สำนึก ยังคงโกหกต่อ 8 ฝ่ายเปโตรถามนางว่า “เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือจงบอกเราเถิด” หญิงนั้นจึงตอบว่า “ได้เท่านั้นเจ้าค่ะ”คำตอบของสัปฟีราคือยืนยันว่าเธอยังอยากอยู่ในการทดลองเรื่องเงินทอง นี่ไม่ใช่วิสัยของคริสเตียน เพราะคริสเตียนคือคนที่เปลี่ยนแปลง ธรรมชาติของเราต้องเป็นอย่างแมว ไม่ใช่อย่างหมูอีกต่อไป แมวจะรีบทำความสะอาดเมื่อมันตกลงไปในโคลน แต่หมูเมื่อตกลงไปในโคลน มันจะยังคลุกตัวมันกับโคลนนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ธรรมชาติใหม่ของคริสเตียนต้องรีบทำความสะอาดเมื่อเราตกลงไปในการล่อลวงให้ทำบาป ต้องรีบออกจากการล่อลวงนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ยังคงใช้ชีวิตในการล่อลวงนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำตอบของสัปฟีราคือการพาตัวเองกลับไปสู่สวนเอเดนเดิม ที่พระเจ้าไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปอีกปฐมกาล 3:24 24 พระองค์ทรงไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งพวกเครูบ ทางด้านทิศตะวันออกแห่งสวนเอเดน และตั้งกระบี่เพลิงอันหนึ่งที่หมุนได้รอบทิศไว้เฝ้าทางที่จะเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น กระบี่เพลิงที่พร้อมประหารคนที่พยายามเข้าใกล้ต้นไม้แห่งชีวิต พระเยซูคริสต์ได้ตรัสว่า มัทธิว16:25-26 25 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด26 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา สัปฟีราพยายามหลอกเปโตรด้วยความเชื่อเทียมเท็จ เพื่อปกปิดสิ่งที่ตนเองคิดว่าจะทำให้ชีวิตอยู่รอด หรือได้สิ่งของที่ตนปรารถนา โดยไม่รู้เลยว่า สามีที่สมรู้ร่วมคิดได้ตายไปแล้ว สำหรับหญิงที่สามีตายก็เป็นเหมือนชีวิตที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง และเมื่อนางยังไม่กลับใจ ชีวิตที่เหลือก็รอเวลาตาย 9 เปโตรจึงถามนางว่า “ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า จงดูเถิด เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีของเจ้าก็อยู่ที่ประตู และเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย” 10 ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร และพวกคนหนุ่มได้เข้ามาเห็นว่าหญิงนั้นตายแล้ว จึงได้หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง สิ่งที่เกิดขึ้นกับอานาเนียกับสัปฟีราอย่างรวดเร็ว สัปฟีรารอสามชั่วโมงแล้วก็พบกับความตายเหมือนกับอานาเนีย ปัจจุบันเรามีสำนวนว่า กรรมติดจรวด คือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คนที่มีเงินเป็นนายก็ไม่เห็นตายเร็วอย่างอานาเนียและสัปฟีรา นั่นเพราะเรามองแต่สิ่งที่อยู่ภายนอก แต่ภายในของคนที่มีเงินเป็นนายนั้น จิตวิญญาณได้ตายไปทันทีอย่างรวดเร็วแล้ว 2เปโตร 2:19ข-22 ….เพราะว่ามนุษย์พ่ายแพ้แก่สิ่งใด เขาก็เป็นทาสของสิ่งนั้น20 เพราะว่าถ้าหลังจากที่เขาพ้นจากสรรพมลทินของโลกนี้แล้ว ด้วยการที่เขาได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ช่วยให้รอด เขากลับเกี่ยวข้องและพ่ายแพ้แก่การชั่วนั้นอีก บั้นปลายของเขาก็กลับชั่วร้ายยิ่งกว่าตอนต้น21 เพราะว่าถ้าเขาไม่ได้รู้จักทางชอบธรรมนั้นเสียเลย ก็ยังจะดีกว่าที่เขาได้รู้แล้ว แต่กลับหันหลังให้พระบัญญัติอันบริสุทธิ์ที่ได้ทรงโปรดมอบให้แก่เขานั้น22 พฤติกรรมได้เกิดกับเขาตามสุภาษิตซึ่งเป็นความจริงที่ว่า สุนัขเลียกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา และสุกรที่คนล้างมันให้สะอาด แล้วกลับลุยลงไปนอนในปลักอีก พระคัมภีร์ตอนนี้ได้กล่าวถึงการกลับไปเป็นทาสของสิ่งที่ตนเองพ่ายแพ้ ก็กลับเป็นทาสอีก หากเราพ่ายแพ้ต่อเงินทอง เราก็มีเงินทองเป็นนาย บางคนพ่ายแพ้ต่อเงินทองด้วยการขโมย บางคนด้วยการโกง บางคนด้วยการทำงานจนไม่ยอมหยุดพัก บางคนทิ้งสิ่งที่ควรรับผิดชอบเพื่อหาเงินทองก่อน บางคนไม่นมัสการพระเจ้าเพราะกลัวเสียเงินทอง เสียธุรกิจการค้า เป็นต้น จงดูอานาเนียและสัปฟีราเป็นบทเรียน เพื่อคริสตจักรจะไม่หยุดการพัฒนาในตัวของเรา อย่าให้เอเดนใหม่กลับไปเป็นเอเดนของอาดัมคนเดิม ด้วยเครื่องเตือนใจว่า อย่าให้เงินเป็นนาย…จิตวิญญาณถึงตาย
2.การหยุดทดลองของเงินเป็นภูมิคุ้มกัน กิจการ 5:5ข,11
.…และเมื่อคนทั้งปวงทราบเรื่องก็พากันสะดุ้งตกใจกลัวอย่างยิ่ง…..11 ความเกรงกลัวอย่างยิ่งเกิดขึ้นในคริสตจักร และในหมู่คนทั้งปวงที่ได้ยินเหตุการณ์นั้น คริสตจักรยุคแรกทวีขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดชงัก เพราะมีภูมิคุ้มกันที่ดี คือความเกรงกลัวพระเจ้า ภูมิคุ้มกัน สำหรับร่างกาย คือการป้องกันเราให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ จากความเจ็บป่วยที่ทำให้เราอ่อนแอและถึงตายได้ เช่นเดียวกัน คริสตจักรยุคแรกเกิดผลด้วยความแข็งแรง ไม่ติดเชื้อง่าย ไม่ป่วยง่าย เพราะมีภูมิคุ้มกันที่ดี แม้ครั้งแรกในการตายของอานาเนียทำให้คนมากมายเกิดความกลัวแบบสันชาตญาณแห่งความกลัว ….และเมื่อคนทั้งปวงทราบเรื่องก็พากันสะดุ้งตกใจกลัวอย่างยิ่ง…..ที่นี่ ภาษากรีกคำว่า Great fear แปลว่า กลัวอย่างยิ่ง คือกลัวมาก ครั้งแรกเมื่อผู้คนได้มีประสบการณ์ทำให้กลัวจะไม่ทันตั้งตัว ภาษาไทยใช้คำว่า สะดุ้งตกใจ แต่เมื่อเจอกับเหตุการณ์ซ้ำอีกในครั้งสอง คราวนี้ไม่สะดุ้งตกใจ แต่ความกลัวยังคงมากอยู่ และเริ่มตระหนักแล้วว่า อย่าทำเป็นเล่นๆกับความเชื่อแบบเทียมเท็จ เหมือนอานาเนียและสัปฟีรา ความกลัวทำให้เราไม่ประมาท และระมัดระวังในการดำเนินชีวิต ยิ่งอะไรที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพของชีวิต ที่เรียกว่า ความเป็นความตาย เราจะยิ่งไม่ประมาท หรือกลัวอย่างยิ่งที่จะไปอยู่ ณ จุดเสี่ยงนั้น นี่คือการสร้างภูมิคุ้มกัน ที่เกิดขึ้นกับคริสตจักรยุคแรก การทดลองเรื่องเงิน ที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เราคิดว่า เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวได้ยังไง บางคนอาจว่า ถ้าไม่ใช่เงินของเรา อย่าถือมันไว้นานจนลังเลใจ เช่น เงินถวายสิบลด หรือเงินยืม เงินคนอื่น จงเป็นอย่างเปโตรและยอห์นที่ไม่มองเรื่องเงินทองเป็นประเด็นสำคัญ แต่อัครทูตมองที่ท่าทีเป็นสำคัญ ทำให้เขาเห็นลึกเข้าไปถึงจิตใจของอานาเนียและสัปฟีราที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเปิดเผยให้เปโตรได้รู้ว่า เขากำลังโกหก เป็นอีกมุมหนึ่งของชีวิตที่เกิดผลในเปโตรที่หยุดการทดลองเรื่องเงินทองในคนอื่น และในคริสตจักรได้ ประโยคทองที่เปโตรใช้คือ เงินและทองเราไม่มี แต่สิ่งที่เรามีเราให้ท่าน คือฤทธิ์เดชแห่งพระนามพระเยซูคริสต์……อาเมน
“ชีวิตที่เกิดผลในพระคริสต์..หยุดการทดลองเรื่องเงินทอง”
1.เมื่อเงินเป็นนาย….จิตวิญญาณตาย
2. การหยุดทดลองเรื่องเงินเป็นภูมิคุ้มกัน