“พระเจ้าผู้เป็นหนึ่งเดียว”
สูจิบัตรคริสตจักร วันนี้ ได้พูดจากหัวข้อว่า ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ (ฉวยโอกาส) จากพระธรรมเอเฟซัส
เอเฟซัส 5:15-18 15 เพราะฉะนั้น จงระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าเหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา16 จงใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ เพราะว่าทุกวันนี้เป็นยุคสมัยที่ชั่วร้าย17 เพราะเหตุนี้ อย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจว่าอะไรคือพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ
คำว่า ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ REDEEM THE TIME (ฉวยโอกาส ฉบับแปล 1971) รากศัพท์กรีกคำว่า REDEEM แปลว่า เพื่อแลกคืนมาอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือจากการสูญเสีย to rescue from loss
พระคัมภีร์เอเฟซัสให้เหตุผลของการสูญเสียของโอกาส ด้วยคำว่า เพราะว่าทุกวันนี้เป็นยุคสมัยที่ชั่วร้าย (อันตรายและอันตรายอย่างยิ่ง) รากศัพท์กรีกคำนี้ แปลคำหนึ่งที่น่าสนใจและทันยุคสมัยของเราอย่างยิ่ง ก็คือคำแปลว่า ความเจ็บป่วยจากเชื้อโรค เป็นความจริงที่เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ (โควิด-19) ได้ทำให้เกิดการสูญเสียโอกาสดีๆมากมาย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ไปร่วมอธิษฐานกับศิษยาภิบาลคริสตจักรในฝั่งธนบุรี ขณะนมัสกาพระเจ้าร่วมกับเพื่อนผู้รับใช้ด้วยกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้สำแดงกับข้าพเจ้าด้วยคำว่า กำแพงความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันได้เกิดขึ้น เนื่องจากความกลัว การระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อ แพร่เชื้อ(โรค) ทำให้เรางดการทักทายกันด้วยการจับมือ การกอด การแสดงความใกล้ชิดกัน (เราใส่หน้ากากของจริงเข้าหากัน)
กำแพงนี้จะมีมากขึ้น คนจะรักษาระยะห่าง จนระยะห่างอาจกลายเป็นความรู้สึกรังเกียจ กลายเป็นความเหินห่าง พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเตือนเราให้อย่าสร้างกำแพงเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันให้ทำลายกำแพงที่มีอยู่แล้ว ซึ่งก็ยากจะทำลายอยู่แล้ว ระวังกำแพงใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาอีก ยิ่งทำให้เป็นอุปสรรคต่อการขยายแผ่นดินของพระเจ้าให้ยากยิ่งไปอีก
15 เพราะฉะนั้น จงระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าเหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา
พระเยซูคริสต์ทรงมีอีกนามหนึ่งว่า พระปัญญา และพระองค์ได้ตรัสถึงบทบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตอยู่ภายในผู้เชื่อทุกคน พระวิญญาณจะเตือนสอน สำแดงทุกอย่างที่เป็นสติปัญญาจากพระเยซูคริสต์มายังผู้ที่เชื่อในพระองค์ โอกาสเหล่านี้อยู่กับเราทุกคนแล้ว จงใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์
ใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ Redeeming the time นั่นคือ การเอาคืนกลับมาสิ่งที่เสียหายไป to rescue from loss คือความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน ดำเนินชีวิตอย่างคนมีปัญญา คืออย่างคนที่มีพระเยซูคริสต์ การสำแดงพระปัญญาของพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์มักจะย้ำและพูดเสมอ ก็คือ ความเป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้า the oneness of God
มาระโก 12:29-31 29พระเยซูจึงตรัสตอบคนนั้นว่า “ธรรมบัญญัติเอกนั้นคือว่า โอ ชนอิสราเอลจงฟังเถิด พระเจ้าของเราทั้งหลายทรงเป็นพระเจ้าเดียว 30 และพวกท่านจงรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิดและด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน31 และธรรมบัญญัติที่สองนั้นคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ธรรมบัญญัติอื่นที่ใหญ่กว่าธรรมบัญญัติทั้งสองนี้ไม่มี”
ในพระเจ้าไม่มีความแปรปรวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว
ยากอบ 1:17 17 ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน และส่งลงมาจากพระบิดาแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระบิดาไม่มีการแปรปรวน หรือไม่มีเงาอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง
ในความเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว ไม่มีความแตกแยก ดังนั้น ทุกคำสอน ทุกบัญญัติ ทุกคำสั่งของพระเจ้าผู้เป็นพระเจ้าเดียว ย่อมมุ่งไปในทิศทางเดียวกันคือ การเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เอเฟซัส 2:14 14 เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง
ความเชื่อในความเป็นหนึ่งเดียวในพระเจ้า ในเชิงปฏิบัติ ตามพระคัมภีรเอเฟซัสนี้ ก็คือ การรื้อกำแพงที่กั้นขวางความสัมพันธ์ ไม่ใช่การสร้างกำแพง แม้ว่า เชื้อไวรัสโควิด19 หรือจะมีเชื้ออะไรมาก็ตาม ซึ่งทำให้เราต้องระวังตัว แต่เราจะไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ เป็นกับดักนำเราไปสู่ความแบ่งแยก เป็นสองวิญญาณ สองความอารมณ์
คุณหมอท่านหนึ่งได้กล่าวถึง ความน่ากลัวของไวรัสโควิด 19 ไม่ได้อยู่ที่ตัวเชื้อโรค แต่อยู่ที่ความกลัว ความกลัวทำให้คนรังเกียจกัน แบ่งแยกกัน และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบชีวิตที่ปกติไป เป็นผิดปกติ
อย่างชีวิตของคริสเตียนที่มาโบสถ์ ก็จะเปลี่ยนไป ไม่มาโบสถ์ จากวันอาทิตย์ ก็พาลไปวันศุกร์ จากมีปฏิสัมพันธ์กับพี่น้อง ก็เกิดความเหินห่าง จนขาดจากกิจวัตรที่เคยเป็น
พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียว ที่ทรงเสด็จมาเพื่อจะนำคนให้กลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รื้อกำแพงลง พระองค์จึงให้พระวจนะที่จะฉุดสติเราทั้งหลายให้กลับคืนมา จากความกลัวเรืองเชื้อโควิด19 นี้
2ทิโมธี 1:7 7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา
เราจะมีจิตปกติ ในยามที่สังคมกำลังถูกเขย่าให้ผิดปกติ เราต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับความเป็นหนึ่งเดียวในพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่ขลาดกลัว เพราะในพระเจ้าไม่มีความขลาดกลัว พระเจ้าประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ เพราะพระองค์มีฤทธิ์อำนาจ พระเจ้าประทานจิตที่กอปรด้วยรัก เพราะพระองค์มีรัก และพระเจ้าประทานจิตที่กอปรด้วยการบังคับตน เพราะพระองค์ทรงควบคุมทุกอย่างได้
คำอธิษฐานของพระเยซู เรื่องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใพระคัมภีร์ยอห์น จึงสำคัญมากสำหรับเราในวันนี้ โลกกำลังแตกแยก ประเทศกำลังแตกแยก สังคมกำลังแตกแยก ครอบครัว กำลังแตกแยก เราต้องการพระเจ้าผู้เป็นแสงสว่างนำทางให้กับเรา พระเจ้าผู้เป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะให้แสงสว่างนี้แก่เราได้
คำอธิษฐานของพระเยซูในยอห์นบทที่ 17 ได้กล่าวถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สำคัญ และสำคัญที่สุด แม้แต่พระเจ้าก็ยังมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเป้าหมายการนำคนมาหาพระเจ้าก็คือให้ทุกคนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเอง และกับพระเจ้าด้วย
ยอห์น John 17:20-23 20 “ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว แต่เพื่อคนทั้งปวงที่วางใจในข้าพระองค์เพราะถ้อยคำของเขา21 เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์ คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์ และข้าพระองค์ในพระองค์ เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ และกับข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา22 เกียรติซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้มอบให้แก่เขา เพื่อเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์กับข้าพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้น23 ข้าพระองค์อยู่ในเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์ เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา และพระองค์ทรงรักเขาเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์
ในคำอธิษฐานของพระเยซูเพื่อสาวกของพระองค์ในอดีด ปัจจุบัน และในอนาคต ทั้งหมด เพื่อคริสเตียนทุกคนจะไปให้ถึง ความเป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้า สังเกตว่า มีสามระดับของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
- ผูกพันกับพระเจ้าอย่างลูก กับพระบิดา (เราไม่ได้รับน้ำใจทาส แต่เป็นลูกพระเจ้า ทำให้เรามีตัวตน ที่ไม่ได้สร้างขึ้นเอง หรือถูกทำลายได้ง่ายๆอีกต่อไป ) เราจะแกร่งในท่ามกลางสังคมที่มุ่งทำลายกันและกัน
- ทำทุกอย่างเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า (เราจะไม่เย่อหยิ่ง ทะนงตน เพื่อเกียรติของเราเอง)
- เป็นตัวแทนของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกนี้ (พันธกิจ หรือภารกิจที่เราจะทำเหมือนกัน ก็คือ นำคน คืนดีกัน รักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเอาไว้ นำคืนกลับมาซึ่งความสัมพันธ์ที่เสียไป
2โครินธิ์ 5:1-20 18 ทั้งสิ้นนี้เกิดมาจากพระเจ้า ผู้ทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ และทรงโปรดประทานให้เรามีพันธกิจเรื่องการคืนดีกัน19 คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์ มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเขา และทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ20 ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า
พระเจ้าผู้เป็นหนึ่งเดียว ในพระองค์ไม่มีความแปรปรวน
ยากอบ 1:17 17 ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน และส่งลงมาจากพระบิดาแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระบิดาไม่มีการแปรปรวน หรือไม่มีเงาอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง
เมื่อเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าผู้เป็นหนึ่งเดียว เราจะมุ่งให้ครอบครัวเราเป็นหนึ่งเดียว คริสตจักรเป็นหนึ่งเดียว ประเทศชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกสังคมที่เราอยู่ จะไม่มีการแบ่งแยก อาเมน